
ความคืบหน้าการขับเคลื่อน
โครงการเสริมสร้างสุขภาวะเชิงพุทธของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล
(อ.ป.ต.) ในสังคมไทย
ความคืบหน้าที่ผ่านมา
หลังจากที่โครงการเสริมสร้างสุขภาวะเชิงพุทธของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) ในสังคมไทย ที่ดำเนินโครงการโดยสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ขับเคลื่อนโครงการมาเป็นระยะเวลาทั้งสิ้นเกือบหนึ่งปีเต็ม
การขับเคลื่อนงานที่ผ่านมา ทางโครงการได้จัดอบรมพัฒนาพระสังฆาธิการที่เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
(จัดอบรมไปเป็นจำนวน 9 ครั้ง และกำลังจะจัดอบรมอบรมในพื้นที่ภาคกลางเร็ว ๆ นี้ อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.buddhistfordev.com/event97)

พระสังฆาธิการที่เข้าร่วมการอบรมจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์จากพระวิทยากรหลายท่านซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพระสงฆ์ที่เป็นนักวิชาการ
นักพัฒนาและนักบริหารที่มีความสำคัญในระดับแถวหน้าของประเทศ ผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับเครื่องมือในการทำงานร่วมกับชุมชน ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์และนโยบายทั้งในระดับประเทศและในระดับท้องถิ่น แนวทางการปรับตัวเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งบทบาทของพระสงฆ์ที่สังคมคาดหวัง รวมถึงได้มีโอกาสลงพื้นที่ศึกษาดูงานของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลต้นแบบ เป็นการสร้างแนวคิดและแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมการอบรมจากการลงไปติดตามดูสถานการณ์จริง



หลังจากนั้นพระสังฆาธิการที่เข้าร่วมการอบรมจะต้องคิดค้นโครงการพัฒนาชุมชนที่มีความสอดคล้องกับพันธะกิจของ อ.ป.ต. ทั้ง 8 ด้าน การตอบสนองต่องานกิจการคณะสงฆ์ หรือกิจกรรมที่ตรงตามเป้าหมายของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) การพิจารณาถึงที่มาและความสำคัญ วัตถุประสงค์ แนวทางการดำเนินโครงการ และเป้าหมาย ถือเป็นการดำเนินโครงการที่มีการวางแผนอย่างเป็นกระบวนการ การคิดวิเคราะห์ที่เป็นระบบดังกล่าวนี้เอง จะเป็นตัวส่งเสริมให้พระสังฆาธิการได้คิดค้นโครงการในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่ยึดโยงกับการจัดทำกิจกรรมในรูปแบบเดิม ๆ


โครงการที่มีความโดดเด่น มีความน่าสนใจ และมีความสอดคล้องกับเป้าหมายของคณะสงฆ์และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้การสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรม นำไปสู่การจัดประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกโครงการโดยใช้เกณฑ์การพิจารณาใน 4 ประเด็นด้วยกันคือ
1) เป็นโครงการที่มีความพร้อมทั้งในเชิงประเด็นและบุคลากร ตรงตามวัตถุประสงค์ของงาน อ.ป.ต. และ สสส. และสามารถกลายเป็นโครงการต้นแบบได้ในอนาคต โครงการประเภทนี้จะได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวน 150,000 บาท
2) เป็นโครงการที่มีความพร้อมทั้งในเชิงประเด็นและบุคลากร ตรงตามวัตถุประสงค์ของงาน อ.ป.ต. และ สสส. และสามารถกลายเป็นโครงการต้นแบบได้ในอนาคต โครงการประเภทนี้จะได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวน 120,000 บาท
3) เป็นโครงการที่มีความตั้งใจและสามารถพัฒนาให้สอดคล้องกับงาน อ.ป.ต. ตลอดจนหากสามารถพัฒนาให้สอดคล้องกับงาน สสส. ได้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ยิ่ง โครงการประเภทนี้จะได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวน 100,000 บาท
4) เป็นโครงการที่ดำเนินการมาแล้วในระดับหนึ่ง มีการมุ่งเน้นการทำงานที่จะขยายผลการเรียนรู้กับ อ.ป.ต. ในพื้นที่ โครงการในประเภทนี้จะได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวน 80,000 บาท




ผลจากการประชุมพิจารณาเพื่อคัดเลือกโครงการในครั้งนี้ ได้มาซึ่งโครงการต้นแบบที่ตรงตามเกณฑ์การพิจารณาจำนวนทั้งสิ้น 32 โครงการ จาก 25 จังหวัด ก่อนที่จะมีการนัดหมายเพื่อทำความเข้าใจกับเจ้าของโครงการทุกท่านซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยพระสังฆาธิการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เจ้าของโครงการจะต้องมานำเสนอโครงการให้กับผู้ทรงคุณวุฒิรับฟัง และนำข้อเสนอแนะที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิไปปรับใช้กับโครงการ ในช่วงท้ายสุดของการประชุมพิจารณา คณะผู้วิจัยได้ทำหน้าที่ในการชี้แจงเรื่องการใช้งบประมาณ การเปิดบัญชี และการสรุปกิจกรรม เพื่อเป็นแนวทางการทำงานที่ถูกต้องให้กับเจ้าของโครงการต่อไป
การขับเคลื่อนโครงการต้นแบบในพื้นที่
โครงการต้นแบบที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิสามารถขับเคลื่อนโครงการได้เลยหากได้รับการสนับสนุนงบประมาณเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ ทางคณะผู้วิจัยได้สนับสนุนงบประมาณให้กับผู้รับผิดชอบโครงการที่ทำการเปิดบัญชีได้สำเร็จ และมีโครงการต้นแบบจำนวน 4 โครงการที่เริ่มขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่ โดยสามารถนำเสนอรูปแบบกิจกรรมของทั้ง 4 โครงการได้ดังต่อไปนี้
1) โครงการธรรมะรักษาใจ เยี่ยมคนไข้ ให้กำลังใจผู้ป่วย (จังหวัดภูเก็ต) ได้จัดกิจกรรมการอบรมพระสังฆาธิการภายในจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมความพร้อมให้พระสังฆาธิการเหล่านี้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะในการลงชุมชนเพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ หลังจากผ่านการอบรมเป็นที่เรียบร้อย ทางโครงการได้มีการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ป่วยและผู้สูงอายุภายในชุมชนร่วมกับหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน ภาคประชาสังคม มีการแสดงธรรมเทศนาและการระดมทุนจัดหาอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีการให้ความรู้กับพระสงฆ์ในเรื่องการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ทั้งการฉันท์อาหาร การกายบริหารที่พระสงฆ์สามารถกระทำได้




2) โครงการวัฒนธรรมดนตรี ศิลปะโล๊ะโก๊ะฉ่า (จังหวัดภูเก็ต) ได้จัดกิจกรรมเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นโล๊ะโก๊ะฉ่า การแสดงดนตรีที่คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนที่อพยพมาอยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต การแสดงดังกล่าวนี้สามารถพบได้ตามงานบูชาบรรพบุรุษ งานศพ หรือการระลึกถึงบรรพชน ปัจจุบันเป็นสิ่งที่หาชมได้ยาก ทางหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลวัดกะทู้ได้มองเห็นถึงความสำคัญ ได้มีการเชิญวิทยากรมาบรรยายถ่ายทอดที่มาและความสำคัญของโล๊ะโก๊ะฉ่า สอนวิธีการแสดงให้กับนักเรียนในโรงเรียน และจะมุ่งขยายผลต่อโดยให้นักเรียนที่ผ่านการอบรมออกแสดงตามงานต่าง ๆ ในพื้นที่ต่อไป




3) โครงการส่งเสริมการประกอบสัมมาชีพ ของหน่วย อ.ป.ต. ดอนทราย (จังหวัดพัทลุง) ได้จัดกิจกรรมการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสัมมาชีพ โดยในคณะกรรมการประกอบด้วยภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานด้านสัมมาชีพ อาทิ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด กลุ่มชาวบ้าน ภาคเอกชน ฯลฯ เพื่อสร้างความเข้าใจและวางแผนการทำงาน เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะทำกิจกรรมการแปรรูปข้าวสังหยด/น้ำพริกไตปลาซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของทางพื้นที่




4) โครงการส่งเสริมการประกอบสัมมาชีพ ของหน่วย อ.ป.ต. แพรกหา (จังหวัดพัทลุง) ได้จัดกิจกรรมการประชามคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสัมมาชีพ โดยในคณะกรรมการประกอบด้วยภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานด้านสัมมาชีพ อาทิ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด กลุ่มชาวบ้าน ภาคเอกชน ฯลฯ เพื่อสร้างความเข้าใจและวางแผนการทำงาน เบื้องต้นสามารถได้วันที่ในการจัดอบรมภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ




โครงการที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนโดยคณะสงฆ์ในรูปแบบของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น คณะสงฆ์ยังคงรักษาบทบาทในการทำงานพัฒนาชุมชนมาอย่างเสมอ และยังคงมีโครงการและกิจกรรมที่ขับเคลื่อนโดยคณะสงฆ์อีกจำนวนมาก ที่ยังรอให้เราได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้และเข้าไปมีส่วนร่วม โดยในโอกาสหน้า หากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการในลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติม ทางผู้เขียนจะหยิบยกมานำเสนอเพื่อเผยแพร่ให้กับผู้อ่านได้รับทราบไปด้วยกัน